Also available in:
English
繁體中文
简体中文
日本語
한국어
Indonesia
มูแลงรูจ และ โชว์คาบาเร่ต์ ถือเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวที่ปารีส โรงละครคาบาเร่ต์แห่งนี้เปิดการแสดงมาตั้งแต่ปลายปี 1800 ใช่ช่วงที่ยุค Belle Epoque กำลังรุ่งเรือง สำหรับชาวปารีสแล้วนั้น โรงละครคาบาเร่ต์อย่างที่มูแลงรูจถือเป็นจุดรวมตัวระหว่างชนชั้นสูง ชาวโบฮีเมียน และศิลปิน Le Chat Noir คือคาบาเร่ต์สมัยใหม่แห่งแรกในปารีสที่เปิดการแสดงในปี 1881 แฟนตัวยงหรือคนรักการแสดงคาบาเร่ต์มักจะเป็นพวกศิลปินหรือนักเขียน เช่น Moliere, La Fontaine และ Jean Racine ที่ชอบมาแฮงเอาท์กับเพื่อนกันในโรงละครคาบาเร่ต์ ไม่กี่ปีต่อมา มูแลงรูจ ก็ถือกำเนิดขึ้นในปี 1889 และได้สร้างความแตกต่างและความแปลกใหม่โดยนำระบำแคนแคนมาผสมผสานอยู่ในโชว์
บอกเลยว่าประวัติศาสตร์และเรื่องราวของมูแลงรูจดำเนินมาเป็นเวลา 130 แล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็เยอะ ตั้งแต่สงครามโลกทั้งสองครั้ง จนถึง ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปารีส โรงละครแห่งนี้ได้ต้อนรับแขกมามากมายทั้งคนธรรมดาทั่วไปจนถึงราชวงศ์ ในวันนี้มูแลงรูจกลายเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของฝรั่งเศส และ ยังคงทำการแสดงทุกคืนตลอดสัปดาห์
ประวัติและเรื่องเล่าของมูแลงรูจ
ในช่วงแรกเริ่ม
Joseph Oller และ Charles Zidler เปิดโรงคาบาเร่ต์มูแลงรูจในปี 1889 ในยุคทอง Belle Epoque ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจและสังคมของฝรั่งเศสรุ่งเรืองมากๆ นั่นรวมไปถึงความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม และ ความสนใจใฝ่รู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวเมือง ในช่วงปีแรกๆ มูแลงรูจเป็นที่รู้จักในเรื่องการแสดงโชว์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากละครสัตว์และการระบำแคนแคน โรงละครตั้งอยู่ในย่านมงมาร์ต และด้วยเพลงสนุกๆ บริการเสิร์ฟแชมเปญ และระบำอลังการๆ คาบาเร่ต์โชว์ของมูแลงรูจก็ค่อยๆ เริ่มเป็นที่นิยมสำหรับกิจกรรมยามเย็นเก๋ๆ ในหมู่เพื่อน

สวนในโรงคาบาเร่ต์มูแลงรูจในอดีต
มูแลงรูจโฉมใหม่
มูแลงรูจ ประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจในปี 1915 เนื่องจากเกิดเหตุไฟไหม่ครั้งใหญ่ หลักจากนั้นคณะคาบาเร่ต์ได้สร้างอาคารขึ้นใหม่ในพื้นที่เดิมในปี 1921 ซึ่งเป็นช่วงยุคของด้านวัฒนธรรมของปารีส อย่างไรก็ดีในช่วงปี 1930-40 ความนิยมคาบาเร่ต์เริ่มลดลง จนกระทั่ง Jo France ได้เข้ามาซื้อกิจการไปในปี 1951 และได้ทำการเปลี่ยนโฉมและรีโนเวตโรงละครใหม่ทั้งหมด หลังจากที่ได้ Jacki Clerico เข้ามากำกับการแสดง มูแลงรูจก็เริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งด้วยการแสดงชุด Frou Frou Show และการแสดงชุดอื่นๆ ที่ตามมาทีหลัง จนถึงปัจจุบันนั่นคือการแสดงชุด Féerie Show

Jacki Clerico กับนักเต้นระบำแคนแคน
การแสดงในตำนานของมูแลงรูจ
สาวสวยที่เป็นแรงบันดาลใจเบื้องหลังการแสดงระบำแคนแคน
La Goulue เป็นชื่อที่ใช้ในการแสดงของ Louise Weber สาวสวยที่มาจากชานเมืองปารีส ซึ่งได้กลายเป็นคนดังจากการแสดงระบำคาบาเร่ต์ที่เป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่ฉากที่เตะหมวกนักเต้นชาย หรือ ตอนที่เธอไปแย่งแชมเปญจากผู้ชมดื่มในระหว่างการแสดง ทำให้เธอได้รับฉายาว่า La Goulue หรือ สาวตะกละ ก่อนที่จะมาร่วมแสดงกับมูแลงรูจ เธอมีขื่อเสียงมาก่อนอยู่แล้ว จนได้มีคนทาบทามให้เธอมาเป็นนักเต้นตัวหลักที่มูแลงรูจ ทำให้เธอเป็นนักแสดงที่มีรายได้สูงสุดสุดในยุคนั้น Weber ยังเป็น muse ให้กับ Toulouse-Lautrec จิตรกรฝรั่งเศสที่วาดโปสเตอร์ให้กับโรงคาบาเร่ต์มูแลงรูจ

ผลงานออกแบบโปสเตอร์ของ Toulouse-Luatrec
Mistinguett-Paris
Jeanne Florentine Bourgeois นักแสดงสาวที่เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างในช่วงต้นปี 1900 โดยใช้ชื่อในการแสดงว่า Mistinguett ในตอนแรก Bourgeois ได้ชวนให้เธอมาเป็นผู้ช่วยดูแลการแสดงบนเวทีที่คาสิโนของกรุงปารีส และ ตั้งแต่จุดนั้นเธอก็เริ่มฉายแววการเป็นนักแสดงอย่างจริงจัง จนกระทั่งเธอได้เข้ามาร่วมแสดงที่มูแลงรูจในยุครุ่งเรือง นอกจากมูแลงรูจ เธอก็ยังไปแสดงให้กับคณะระบำคาบาเร่ต์เจ้าอื่นๆ ด้วย เช่น Folies Bergère และ Eldorado ในช่วงจุดพีคของเธอ เธอเป็นนักแสดงหญิงที่ได้รับค่าตัวแพงที่สุดในโลก แม้แต่ขาทั้งสองข้างของเธอก็ต้องทำประกันมูลค่า 500000 ฟรังค์เลยทีเดียว

Mistinguett
ศิลปินฝรั่งเศสและต่างชาติที่มีชื่อเสียง
ในศตวรรษที่ผ่านมา มีศิลปินชื่อก้องโลกหลายคนที่ได้มาเปิดการแสดงที่มูแลงรูจ ไม่ว่าจะเป็น Edith Piaf, Dean Martin, Frank Sinatra, Charles Trenet, Liza Minnelli, Elton John, Ray Charles และ Charles Aznavour นอกจากศิลปินแล้ว ก็ยังมีคนดังๆ มาชมการแสดงที่มูแลงรูจด้วยนะ อาทิ Prince of Wales ในปี 1890 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรการแสดงของ Goulue

Liza Minelli และ Charles Aznavour ศิลปินชื่อดังที่เคยมาแสดงที่มูแลงรูจ
Frou-Frou Show
เมื่อครั้งที่ Jacki Clerico ซื้อต่อกิจการมูแลงรูจในปี 1962 Frou Frou Show คือการแสดงชุดแรกภายใต้การบริหารของเขา การชุดนี้ดังเป็นพลุแตกมากๆ ในสมัยนั้น ทำให้ Clerico ตัดสินใจว่าชื่อของการแสดงโชว์คาบาเร่ต์ชุดต่อๆ ไปต้องขึ้นต้นด้วยตัว F และจะต้องมีระบำแคนแคนเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงด้วย จวบจนถึงทุกวันนี้มูแลงรูจก็ยังคงความตั้งใจของเจ้าของเอาไว้ การแสดงชุดปัจจุบันจึงมีชื่อว่า Feerie และก็มีระบำแคนแคนแสดงอยู่ด้วย

นักเต้นระบำแคนแคนชุดแรกของมูแลงรูจ
Féerie since 2000
การแสดงชุด Feerie เป็นการแสดงประจำของมูแลงรูจมาตั้งแต่ปี 2000 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากตั้งแต่เปิดการแสดงมา และ มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 10 ล้านคนจากทั่วโลก การแสดงชุดนี้ประกอบไปด้วยนักแสดงถึง 80 ชีวิต และเป็นนักเต้น Doriss Girls 60 คน คุณรู้ไหมว่านักเต้นเหล่านี้มีเสื้อผ้าการแสดงกว่า 1000 ชุดที่ทำจากขนนก คริสตัล และ เลื่อมลูกไม้ต่างๆ ซึ่งได้รับการออกโดยดีไชน์เนอร์ชาวอิตาเลียนและตัดเย็บทั้งหมดในปารีส ส่วนเพลงที่ใช้ในการแสดงก็ใช้นักดนตรีกว่า 80 คน และ นักร้องคอรัสอีก 60 คน การแสดงชุดนี้มีความพิเศษคือมีเรื่องราวรำลึกและอุทิศให้กับนักร้อง นักเต้น และ ทีมงานของมูแลงรูจที่ได้สร้างสรรค์การแสดงมาเป็นเวลาถึง 130 ปีแล้ว
ทำไม Féerie Cabaret Show ถึงควรค่าแก่การไปชม
ระบำแคนแคนฝรั่งเศส
ระบำแคนแคนถือเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงคาบาเร่ต์มูแลงรูจ ซึ่งมีอยู่ในชุดการแสดงตั้งแต่เริ่มเปิดโชว์ในปีแรก ระบำแคนแคนมีชื่อดั้งเดิมว่า le Quadrille และมีเอกลักษณ์ที่การเต้นแบบเตะขาสูง นักเต้นน้องใหม่จะต้องเรียนรู้ท่าเต้นอย่างต่ำห้าสัปดาห์ก่อนจะได้ออกมาทำการแสดงจริง และ นักเต้นทุกคนจะต้องฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อให้เกิดความพร้อมเพรียงและสวยงามที่สุดบนเวที
สถานที่
แม้ว่าอาคารหลังเก่าของมูแลงรูจจะถูกไฟไหม้ในปี 1915 แต่โครงสร้างเก่าบางส่วนที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ก็ถือเป็นสัญลักษณ์ของชื่อเสียงและความสำเร็จของโรงคาบาเร่ต์แห่งนี้ ในช่วงบูรณะ ทางผู้บริหารได้จ้าง Henri Mahe ดีไซเนอร์ชื่อดังมาช่วยออกแบบตกแต่งภายในออดิทอเรียม ซึ่งเขาก็ได้แรงบันดาลใจมาจากสไตล์ในยุค Belle Epoque ถือเป็นการคัมแบคของมูแลงรูจที่ปังและอลังมากๆ
Doriss Girls
การแสดง Feerie จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มี Doriss Girls สาวๆ นักเต้น Doriss Girls ขึ้นแสดงครั้งแรกในปี 1957 ซึ่งเป็นผลงานการฝึกสอนของ Doris Haug ในตอนแรกมีเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีถึง 60 คน Doriss Girls คือนักเต้นมีทักษะความสามารถขั้นสูงที่ทางมูแลงรูจคัดเลือกมากจากทั่วโลก
เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
เรานึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าไม่มีเครื่องแต่งกายอลังๆ แบบนี้ การแสดงชุด Feerie จะออกมาเป็นยังไง เครื่องแต่งกายของนักเต้นมูแลงรูจตัดเย็บโดยช่างฝีมือชาวปารีสทั้งหมด จริงๆ แล้วมูแลงรูจมีร้านตัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายถึง 3 ที่ด้วยกัน ที่แรก Maison Février ร้านทำขนนก ที่ๆ สอง Maison Clairvoy ร้านตัดรองเท้า และ ที่สุดท้าย Atelier Valentin ร้านตัดเย็บและงานปัก
มื้อค่ำพร้อมชมการแสดง
ประสบการณ์ทานมื้อค่ำพร้อมชมโชว์คาบาเร่ต์ที่มูแลงรูจเป็นอะไรที่พิเศษจริงๆ ห้องออดิทอเรียมสามารถจุผู้เข้าชมได้ถึง 900 คน ทำให้มูแลงรูจกลายเป็นร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในปารีส และในแต่ละคืนมูแลงรูจจ้างพนักงานเสิร์ฟและงานครัวถึง 120 คนมาช่วยดูแลและบริการผู้ที่มาชมการแสดง โดยมีเชฟ David le Quellec นำทีมสร้างสรรค์เมนูอาหารรสเลิศ และ ช่วยทำให้ร้านอาหารของมูแลงรูจได้เข้าไปอยู่ในการจัดอันดับร้านอาหารที่ดีที่สุดในปารีสของคู่มือแนะนำร้านอาหารของ Gault & Millau นอกจากจะได้ทานอาหารรสเลิศและบริการชั้นยอดแล้ว แขกจะได้ฟังดนตรีสดจากวงออเคสตร้าก่อนที่การแสดงหลักจะเริ่มอีกด้วย
สิ่งที่ควรรู้ก่อนจองบัตรเข้าชมการแสดง
การแต่งกาย
เรามีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากมูแลงรูจเป็นสถานที่จัดการแสดงโชว์ที่ค่อนข้างเป็นทางการมาตั้งแต่เริ่มต้น ถึงแม้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องใส่ชุดแบบทางการจัดเต็ม แต่ก็ยังมีกฎระเบียบเล็กๆ น้อยๆ เช่น ห้ามใส่ชุดกีฬา กางเกงขาสั้น รองเท้าแต่ และ เสื้อยืด เราขอแนะนำให้คุณใส่อะไรที่เรียบๆ สบายๆ แต่ดูโก้ อาจจะเป็นเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวสำหรับผู้ชาย หรือ ชุดเดรสสั้น สำหรับผู้หญิง
ตั๋วเข้าชมประเภทต่างๆ
มีตั๋วเข้าชมหลายประเภทมากมายให้คุณได้เลือกซื้อ มูแลงรูจจัดการแสดงสองโชว์ต่อคืน อาคารค่ำจะเริ่มบริการตั้งแต่เวลา 19.00 น. จากนั้นโชว์จะเริ่มแสดงเวลา 21.00 น. ส่วนโชว์รอบที่สองจะเริ่มเวลา 11.00 น. ตั๋วแต่ละใบจะมีบริการเสริมให้เลือก อาทิ ที่นั่งพิเศษ แชมเปญหนึ่งขวด มาการง หรือ ของขวัญที่ระลึก
INSIDR Tip: สำหรับคนที่งบประมาณจำกัด เราแนะนำให้จองตั๋วชมรอบห้าทุ่มในช่วงระหว่างสัปดาห์ ซึ่งราคาตั๋วจะถูกที่สุด และจะยิ่งถูกเข้าไปอีกหากจองล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือน คุณสามารถจองที่นั่งได้ผ่าน INSIDR Passport เพียงดาวน์โหลด INSIDR Passport ที่นี่ เพื่อรับสิทธิ์ลัดคิว และ รับบริการแบบวีไอพีที่มูแลงรูจ
เมนูอาหารค่ำ
สำหรับมื้ออาหารค่ำ คุณจะได้เลือกเมนูอาหารจาก 5 ตัวเลือกนี้ ได้แก่ Mistinguett, Toulouse-Lautrec, Belle-Epoque, Pesco-Vegetarian และ Vegan ซึ่งแต่ละเมนูมีราคาที่แตกต่างกันไป ดังนั้นคุณสามารถเลือกเมนูที่เหมาะกับงบประมาณของคุณได้ เมนูอาหารเหล่านี้ออกแบบโดยเชฟ David Le Quellec พร้อมกันนี้เชฟยังค่อยช่วยเลือกไวน์และแชมเปญจับคู่กับอาหารให้อีกด้วย อาหารจานเด่นๆ ก็จะมีตับห่าน หรือไม่ก็ ริซอตโต้เสิร์ฟพร้อม barigoule หากคุณมากับลูกๆ ก็มีเมนูเด็กให้เลือกด้วยนะ
ตั๋วแพคเกจ
ที่เว็บไซต์ของ Paris Cabaret จะมีตั๋วแพคเกจมูแลงรูจขายคู่กับบัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในปารีส เช่น หอไอเฟล ล่องเรือแม่น้ำแซน หรือ walking tour ในปารีส นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยคุณประหยัดงบไปได้หลายบาทอยู่ บอกเลยคำเดียวว่าคุ้ม
ข้อมูลทั่วไป:
- ที่อยู่: 82 Boulevard de Clichy, 75018 Paris
- รถไฟใต้ดิน: สาย 2 – Blanche
- ตารางเวลา:
สำหรับมื้ออาหารค่ำ ควรมาถึงเวลา 6.45 pm – 7.30 pm. โชว์จบเวลา 11 pm.
สำหรับรอบสามทุ่ม ควรมาถึงเวลา 8.30 pm – 8.45 pm. โชว์จบเวลา 11 pm.
สำหรับรอบห้าทุ่ม ควรมาถึงเวลา 10.30 – 11.00 pm. โชว์จบเวลา 1 am. - เว็บไซต์สำหรับสำรองที่นั่ง
Also available in:
English
繁體中文
简体中文
日本語
한국어
Indonesia